วันอาทิตย์ที่ 30 กันยายน พ.ศ. 2555

ไอศครีม (Ice cream) สุดโปรดในอเมริกา

หลังจากที่ได้เล่าไปแล้วเรื่องการมาอเมริกาเป็นสวรรค์ของคนชอบหวาน วันนี้เราก็เลยอยากจะขอเม้าท์เรื่องของหวานแสนอร่อยอีกชนิดนึงที่เป็นของโปรดของใครหลายคน แน่น๊อน รวมทั้งเราด้วยค่ะ เรียกได้ว่าผู้ใหญ่ทานได้ เด็กทานดี  ไม่ใช่สิ่งอื่นใด นอกจาก ไอศครีม นั่นเอง

จำได้ว่าตอนเราอยู่เมืองไทย มีร้านไอศครีม ดังๆไม่มากเท่าไหร่ เราชอบไปหากินตามห้างอยู่บ่อยๆๆ ก็มันช่างแสนอร่อยเย้ายวนเกินห้ามใจ ไปกับรสชาติเนื้อครีมอัน นุ่ม ลึกล้ำ หอมหวานมัน เย็นๆของไอศครีม ช่างเหมาะเหม็งกับอากาศสุดร้อนที่บ้านเรา นอกจากนี้ก็ยังซื้อมากินเป็นควอส์บ่อยๆ คือแช่เก็บไว้ในตู้เย็นแล้วกินได้เสมอ ใจจริงแล้วก็อยากกินทุกวันหลังอาหาร แต่ก็กลัวน้ำหนักตัวและไขมันจะพุ่งกระฉูดสวนทางกับน้ำหนักของกระเป๋าสตางค์ที่จะเบาหวิวขึ้นเรื่อยๆ

และแล้วโชคชะตาจงใจให้มาใช้ชีวิตที่อเมริกา ดินแดนแสนสวีท ถิ่นที่มีเมนูไอศครีมอร่อยๆหลากหลาย เราก็เลยเป็นเหมือนหนูตกถังของหวาน สามารถหาซื้อกินไอศครีมได้ง่ายดาย  ถ้้าอยากกินล่ะก็ มีให้เลือกทั้งร้านไอศครีมแบบเข้าไปนั่งกิน ทั้งที่เป็นเฟรนไชน์ และร้านที่เป็นโฮมเมดทำขายเองตามท้องถิ่นต่างๆโดยเฉพาะจุดท่องเที่ยว แต่ว่าวิธีที่ง่ายและประหยัดที่สุดในการกินไอศครีมที่นี่คือ เข้าไปหาซื้้อกินใน Grocery Store จะมีตู้แช่เย็นสำหรับไอศครีมรสชาติต่างๆให้เลือกเยอะมากมาก กินพื้นที่ 6-7 ตู้แช่แข็งเลยล่ะค่ะ

สำหรับคนที่สนใจไปนั่งกินในร้าน ก็มีให้เลือกพอสมควรค่ะ Virginia เมืองที่เราอยู่ก็จะเห็นได้ประปราย (แต่ก็ครอบคลุมทั่วถึงทุกพื้นที่) ที่ไม่ค่อยเห็นเกลื่อนมากนักคงเป็นเพราะที่นี่ช่วงอากาศเย็นจะมีพอพอกับช่วงอากาศร้อน เวลาหน้าหนาวก็จะมีลูกค้าน้อยหน่อย แต่ก็ไม่ถึงกับไม่มีนะคะ เพราะความหนาวก็ยังสู้ความอยากกินไอศครีมไม่ได้ ตอนอากาศเย็น ทางร้านก็จะเปิดHeater ไว้ให้ค่อนข้างอุ่นมาก เวลากินจะได้ไม่กินไปหนาวไปไงละคะ และบางร้านก็ขายอาหารสไตล์อเมริกันพ่วงเข้าไปด้วย

ส่วนรสชาติไอศครีม เค้าก็มีให้เลือกสรรมากมายที่น่าสนใจเช่น  Cookies'n Cream, Mint Choccolate Chip, Choccolate Almond Chip, Forbidden Chocolate, Mocha Chunk, Cookie Dough เป็นต้น จากนั้นก็ยังเลือก topping ต่างๆได้อีก เช่น Almonds, Butterfinger, Chips Ahoy Cookie Pieces, Gummy Bears, M&M, Oreo, Vanilla Pound Cake Cube, Strawberry กินที่ร้านไอศครีมจะได้บรรยากาศดีมากค่ะ แต่ราคาออกจะแพงหน่อย ถ้วยนึงรวมทิปประมาณไม่ต่ำกว่า 5-7 เหรียญ มาคิดทุกทีว่าถ้าเอาตังค์นี่ไปซื้อเป็นควอส์ตกินเองได้ 4-5 ถ้วยเลยนะ งกไปนั่น!
ส่วนคนที่ชิวๆ เน้นปริมาณอย่างเรา ซื้อกินเป็นควอส์ตที่บ้านเห็นจะดีกว่า อร่อยใช้ได้เหมือนกัน ประหยัดด้วย ไอศครีมยี่ห้อดังๆบรรจุกล่องถ้วย (เหมือน Swenzen) มีให้เลือกมากมายที่ Grocery Store ค่ะ เช่น Breyers, Ben&Jerry's, Magnolia, Hagen-Dazs, Turkey Hill แม้แต่ Starbuck ก็ยังทำไอศครีมออกมาขาย (ราคาก็ไม่แพงด้วยเมื่อเทียบกับเมืองไทย) 

รสชาติก็มีให้เลือกหลากหลายเหมือนกันเช่น Mooses Track, Cookie Dough, Mint Choccolate Chip Cookie, Rocky Road และเป็นแบบใส่ถั่ว Peanut, Pecan, และอะไรอื่นๆอีกมากที่เราจำได้ไม่หมด ช่วงเทศกาลหลายร้านก็ลดกระหน่ำซัมเมอร์เซลกันอีก คือ ชื่อ 1 แถม 1, ชื่อ 2 แถม อีก 1 หรืออาจคูปองส่วนลดให้อีก  เมื่อหลายร้านร่วมใจกันลด เราก็เลยจำใจต้องซื้อค่ะ 55 มากักตุนไว้

ไอศครีมที่นี่เนื้อนุ่มอร่อยมากค่ะ ตอนที่ซื้อเป็นควอส์ตจากเมืองไทย จำได้ว่า เมื่อแช่แข็งแล้วจะตักออกมากินอีกทีแสนจะยากมาก ข้าพเจ้าทำช้อนบิดงอไปหลายคัน อันเนื่องมาจากเนื้อไอศครีมที่แข็งโป็กๆ  การจะตักออกมาได้แต่ละช้อน ต้องใช้พลังส่งผ่านไปที่ช้อนเพื่อควักเนื้อไอศครีมสุดอร่อยออกมากิน ทีละนิดหน่อยกว่าจะสะสมครบหนึ่งถ้วย เวลากินเลยอร่อยเป็นพิเศษ55 แต่กับไอศครีมที่นี่ จำได้ว่าครั้งแรกที่เรากิน ก็หยิบกล่องไอศครีมจาก freezer จากนั้นก็เบ่งแรงสุดพลังไปที่ช้อน เพื่อจะตักออกมาอย่างที่เคยทำ แต่ไฉน ช้อนเราทะลุทลวงเข้าไปอย่างง่ายดายจนเกือบสุดก้นกล่องไอติม ถ้าคนอื่นเห็น คงคิดว่าฉันช่างตะกละ ตักทีซะช้อนใหญ่โตเกือบหมดกล่อง 55

ก็คนที่นี่ชอบกินไอศครีมมาก ไม่ว่าจะดึกดื่นแค่ไหน มีครั้งหนึ่ง ตอนเป็น Aupair  Hostแม่ กับว่าที่น้องสะใภ้เค้าชวนเราออกไปกินไอศครีมด้วย ไอ้เราก็สงสัยระคนแปลกใจว่า โอ้นี่มันสี่ทุ่มแล้วนะจ๊ะ กินตอนนี้มันจะดีหรือ แต่ตอนนั้นเรายังไม่เคยกินไอศครีมที่ร้านในอเมริกาเลยค่ะ เลยอยากจะลองดู สี่ทุ่มก็หยุดไม่อยู่ ระหว่างทางก็นึกในใจว่า อ๊ะ แล้วจะมีร้านไอศครีมที่ไหนเปิดหรือ หนทางก็ดูน่าวังเวงมิมีคนพลุกพล่านมากเท่าไหร่ หรือเราแค่ฟังผิด เขาแค่จะไปซื้อไอศครีมที่ Grocery เท่านั้นหว่า ระว่างนั้นรถก็มาจอดถึงร้านพอดี เลยโล่งใจหน่อย ขอบอกว่าบริเวณรอบๆข้างนอกพลาซ่าที่ตั้งร้านไอศครีมนั้น ช่างดูโหวงเหวง และอากาศตอนนั้นก็ค่อนข้างเย็น  ให้ความรู้สึกอึมครึมหนาวเหน็บบอกไม่ถูก..

แต่ทว่า พอเราสามคนเปิดประตูเดินเข้าไปในร้านแล้ว บรรยากาศช่างแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง! ข้างในร้านไอศครีมช่างสว่างอบอุ่น เห็นผู้คนมากมายนั่งกินไอศครีมกินกันอย่างอร่อย ร่าเริง โต๊ะใกล้ๆมีผู้ใหญ่คนหนึ่ง พาเด็กผู้หญิงทั้งทีมมาเลี้ยงไอศครีม (เห็นจะเพิ่งแข่งฟุตบอลชนะเมื่อตอนเย็น เมื่อดูจากเสื้อทีม) เฮฮาสนุกกันเสียงดัง บ้างก็มากินกันเป็นครอบครัว บ้างก็กำลังเลือกซื้อไอศครีมกลับบ้าน ภาพต่างๆช่างสดใสมีชีวิตชีวาซะจริง!

คงมีของหวานไม่กี่ชนิดที่ถูกปาก และเป็นที่ชื่่นชอบของผู้คนทุกเพศวัยได้มากขนาดนี้ ไอศครีมนี้ช่างมีมนต์เสน่ห์ตราตรึงใจ สร้างความสุขให้กับคนที่ได้ลิ้มลองจริงๆค่ะ

วันเสาร์ที่ 29 กันยายน พ.ศ. 2555

ซูซิ หวาบหวิว (Naked Shushi)

อเมริกา เป็นประเทศที่มีวัฒนธรรมที่หลากหลาย ซึ่งเป็นเพราะผู้คนจากหลากหลายสัญชาติเข้าไปอยู่อาศัย ทำให้ในอเมริกาจึงมีอาหารจากหลายประเทศมารวมตัวกัน

วันนี้ก็มีโอกาสเข้าไปนั่งกินซูซิ ในร้านเกาหลี ซึ่งเป็นร้านเปิดใหม่ (ในอเมริกาซูซิไม่มีได้มีแต่ในร้านอาหารญี่ปุ่นเท่านั้น ร้านเกาหลี ไทย จีน หรือ เวียดนาม ยังมีเลยค่ะ)

อาจจะเพราะว่าร้านซูซิสามารถหาได้ทั่วไป ตามร้านอาหารสไตล์เอเซีย ทำให้หลายร้านจึงต้องมีโปรโมชั่นเพื่อดึงดูดลูกค้าเข้าร้าน มีตัวอย่างหนึ่งค่ะที่เห็นเป็นข่าวดังที่ฟอร์ริดา ไม่น่าเชื่อจะมีคนกล้าทำได้ขนาดนี้ โอ้ มาย กู๊ด เนส!!!! ซูซิที่จะพูดถึงนี้คือ ซูซิเปลือย ค่ะ หลายคนเมื่อได้ฟังแล้ว ชักเริ่มอย่างกินซูซิ บ้างแล้วหล่ะซิ


ร้านซูซิเปลือยนี้ อยู่ในร้านอาหาร ชื่อ Catalina Hotel & Beach Club′s Kung Fu Kitchen and Sushi ในเมืองไมอามี่ รัฐฟลอริด้าของอเมริกา เค้าใช้วิธีดึงดูดลูกค้าเหมือนร้านขายซูชิในสมัยนี้ที่นิยมทำกัน โดยสนนราคาคนละ 500 ดอล (ประมาณ 15,000 บาท)แพงแบบนี้ชักไม่อย่างกินแล้วซิ!!!! และ การกินซูชิมื้อหนึ่งสามารถกินด้วยกันได้ราว 15 คน  เรียกว่ากินกันได้ทั้งครอบครัว หรือเป็นหมู่คณะ




   


ซึ่งลูกค้าสามารถใช้บริการดังกล่าวในหลากหลายโอกาส เช่น จะกินเลี้ยงเป็นกลุ่ม ปาร์ตี้ เลี้ยงฉลองปริญญา หรืองานวันเกิด ก็ได้ทั้งสิ้น และได้ยินมาว่า  ที่พิสดารยิ่งกว่านั้น ทางร้านยังเคยใช้นายแบบผู้ชายด้วยเช่นกัน เนื่องมาจากคำขอของลูกค้าชายไม่จริงหรือหญิงแท้ นั่นแหละ ทางร้านจึงต้องส่งหนึ่งในพ่อครัวเป็นนายแบบเปลือยแทน  (พ่อครัวรายนี้อาจจะติดใจแล้วไม่ยอมกลับไปเป็นพ่อครัว อีกต่อไปก็ได้ งานนายแบบดูเหมือนสบายกว่าพ่อครัว เยอะมาก เรียกได้ว่างานสบายรายได้ดี อาศัยความใจกล้า หน้าด้าน แค่นอนเฉยยๆๆ เพียงแค่นี้ก็รับทรัพย์อื้อ)

เค้าก็บอกนะคะ ว่า นางแบบและนายแบบ ไม่มีโรคทางผิวหนัง (เอ รู้ได้ไงเน๊ยะ) เค้าบอกอีกว่า นางแบบจะได้รับการทำความสะอาดอย่างดี เหมือนถูกผ่าตัด ก่อนจะได้รับการตบแต่งด้วยซูชิและซาชิมิ

ได้ยินแบบนี้ใครที่ชอบลองของแปลกๆ หรือได้มีโอกาสเที่ยวที่ฟอร์ริดา ไม่ควรพลาดค่ะ 555



 

วันพฤหัสบดีที่ 27 กันยายน พ.ศ. 2555

อเมริกัน พาย ขนมหวานของโปรด


คนไทยที่มาอยู่อเมริกาหลายคน มักจะกังวลใจในเรื่องน้ำหนักตัวที่เพิ่มมากขึ้น ทั้งๆที่บางคนอาหารมื้อหลักก็ยังเป็นอาหารไทยอยู่ เอ้!!!! แต่แล้วทำไมน้ำหนักยังขึ้นเอ้า ขึ้นเอา เราเป็นคนนึงค่ะที่มาอยู่อเมริกาได้หลายปีแล้ว  น้ำหนักขึ้นๆลงๆ ตามสภาพอากาศ และเทศกาลต่างๆ55

คนที่มาอยู่อเมริกาจะรู้ค่ะว่าอาหารอเมริกาเนี๊ยะ ไม่ได้มีอาหารหลัก 5 หมู่ ซักเท่าไหร่ และที่สำคัญของหวานๆ ขนมหวานๆ คุกกี้ และอื่นๆ ที่สามารถทำให้น้ำหนักตัวพุ่งกระฉุด อีกเพียบ

เราเป็นคนที่ชอบกินขนมหวาน เราคิดว่ามีหลายคนที่ชอบเหมือนเรา ดังนั้นการได้มาอเมริกาถือว่าเป็นสวรรค์ของ คนหวานๆ เอ้ย คนชอบหวานอย่างเราๆๆ 

วันนี้จะมาแนะนำขนมหวานของโปรด คิดว่าเพื่อนๆ คงเคยได้ยินชื่อนี้ดี  คือ อเมริกัน พาย (American Pie) หลายคนเมื่อพูดถึงอเมริกัน พาย จะนึกถึงหนังเรื่องหนึงที่มีชื่อเดียวกัน คือ อเมริกัน พาย หนังอาจจะติดเรทผู้ใหญ่นึดนึง แต่จะไม่ขอพูดถึงค่ะ 

             

อเมริกัน พาย เป็นขนมหวานยอดฮิตในอเมริกาชนิดหนึ่ง  เป็นขนมหวานที่ผ่านการอบ โดยปกติพายจะบรรจุไส้ต่างๆ ไว้ด้านใน เช่น ผลไม้ ชีส ครีม ช็อกโกแลต คัสตาร์ด ถั่ว หรือของหวานอื่นๆ พายจะมี 2 ลักษณะคือ แบบที่มีแป้งประกบทั้งสองด้าน เช่น พายไก่ หรือ พายสับปะรด หรืออีกประเภทที่วางอยู่บนแป้งด้านหนึ่ง เช่นพายที่เป็นขนมหวาน โดยไส้ที่เป็นของหวานหรือผลไม้ จะวางบนแผ่นแป้งที่เรียกว่า ครัสต์ พายประเภทที่เป็นของหวานบางชนิด จะผ่านกระบวนการอบเฉพาะส่วนของแป้งเท่านั้น ส่วนไส้ในจะมาใส่ภายหลัง

ขนมพายแสนอร่อยนี้ เป็นที่นิยมของชาวอเมริกันจริงๆค่ะ มีขายอยู่ทุกที่ ไม่ว่าจะเป็นใน Grocery store ("Grocery -store" มีศักดิ์คล้าย "ตลาด" ของไทยค่ะ),ใน 7-11 หรือในงานปาร์ตี้ต่างๆ ก็จะเห็นเจ้าขนม "พาย" เป็นของหวานเสมอ แม้ตามบ้านเรือน ก็มักอบขนมพายกินกันเองเป็นประจำในช่วงเทศกาล

แม้จะฟังดูเป็นอเมริกันจ๋า แต่จริงๆ แล้วมีต้นกำเนิดจากเมืองผู้ดี โดยได้รับการคิดค้นขึ้นเมื่อปี 1381 และปกติจะอบด้วยแป้งสองชั้น ในสมัยก่อน ตอนที่ชาวอังกฤษอพยพมาตั้งรกรากในอเมริกา พวกเขาได้นำเมล็ดแอปเปิลมาปลูกและทำเป็นขนมพายด้วย หลังจากนั้นขนมพายก็เริ่มวิวัฒนาการจากไส้แอปเปิ้ล เป็นผลไม้ชนิดอื่นๆ เช่น บลูเบอรี่, ราชเบอรรี่, พีช, หรือ มะนาว นั่นเป็นจุดที่ทำให้มันเริ่มมีความเกี่ยวพันกับวัฒนธรรมของชาวอเมริกัน ดังนั้นไม่ว่าจะที่โรงแรมในลอนดอนหรือภัตตาคารในแอลเอก็มักจะมีเสริฟแอปเปิลพาย ซึ่งก็เป็นที่ถูกอกถูกใจบรรดาลูกค้าค่ะ

เริ่มอยากกินอเมริกัน พาย แล้วหล่ะซิ วันนี้มีตัวอย่างพายที่เห็นได้ทั่วไปในอเมริกามาให้ดูค่ะว่า จะน่ากินแค่ไหน 

        

 สตรอเบอรี่ พาย     และ แอปเปิ้ล พาย


     

ฟรุต ทาร์ด เป็นหนึ่งในพายที่เราชอบม๊าก ด้วยความที่มีผลไม้หลากหลายชนิดวางเรียงสวยงามน่ารับประทาน สีสันโดดเด่นอยู่เป็นหน้าพาย ส่วนใหญ่จะเป็นพวก สตอเบอรี่ บลูเบอร์รี่ ส้ม กีวี  ให้รสเปรี้ยวอมหวาน และให้เนื้อสัมผัสที่ชุ่มฉ่ำของผลไม้สด รสตัดกันกับความหวานมันของครีมชีส กินแล้วไม่เลี่ยน อร่อยอย่าบอกใครเชียว!

       

บานาน่า พาย และ คีย์ ไลม์

ขนมพาย คีย์ไลม์นี้เป็นขนมที่ขึ้นชื่อมากๆใน Key West (คือจุดใต้สุดของประเทศอเมริกา) เราเคยไปที่นั่นและลองซื้อกินชิ้้นหนึ่งแบ่งกับเพื่อนๆ รสชาติก็ไม่เห็นต่างจากที่อื่นๆ หรือแถวบ้านฉันซักเท่าไหร่ สงสัยเพราะชื่อมันสอดคล้องกันเลยทำให้รู้สึกอร่อยขึ้นและขายดีละมั้ง 55

ใครที่มาอเมริกาแล้ว ก็อย่าลืมทดลองลิ้มชิมรสชาติอเมริกันพายนานาชนิดดูกันนะค่ะ รับรองค่ะจะติดใจ

วันเสาร์ที่ 22 กันยายน พ.ศ. 2555

อาหารว่าง Snack ยอดนิยมในอเมริกา

Snack เป็นสิ่่งที่ขาดไม่ได้เลยนะคะสำหรับเด็กๆ ประมาณบ่ายๆพอกลับมาจากโรงเรียนเด็กๆก็จะเรียกร้องหาขนมกินกัน แต่จะว่าไปก็ไม่ใช่แค่เด็กเท่านั้นที่ชอบ ผู้ใหญ่อย่างเราๆก็ชอบมากเหมือนกัน เราก็เป็นคนหนึ่งที่ชื่นชอบขนมนมเนยม๊าก พอได้มาอเมริกา แน่นนอนว่าพลาดไม่ได้กับ snack ที่นี่ ขนมที่นี่มีหลากหลายและเยอะแยะมากมายหลายยี่ห้อ ถ้าไป Grocery store จะเห็นว่าแค่ Chip อย่างเดียวก็มีเป็นสิบยี่ห้อเลย ตอนเป็น Aupair ก็ได้ลองขนมหลายอย่างที่เด็กๆกินกัน บางอันอร่อยมากจนต้องไปซื้อเอง เพราะกลัวแย่งเด็กกินหมด55 บางอันก็ซื้อมาลองกินแต่ไม่อร่อยก็มีเหมือนกันค่ะ

วันนี้จะมาแนะนำ Snacks ขึ้นชื่อของที่นี่ มาดูกันนะคะว่าจะน่ากินขนาดไหน

1. Peanut Butter and Jelly  snack อันนี้ถือเป็นอาหารกลางวันของเด็กน้อยที่เคยเลี้ยงตอนเป็น Aupair เลยค่ะ ส่วนประกอบดูแปล๊ก และไม่เข้ากัน Peanut butter และใส่ Jelly (คือแยมบ้านเรา) หนะหรือ!! ใครหนอไม่รู้เอามาใส่เข้ากันได้ แต่ผลปรากฎว่า..อร่อยค่ะ ยิ่งถ้าได้เอาไปใส่ช่อง Freezer แล้วยิ่งย๊อดเยี่ยม กรรมวิธีการทำก็แสนง่ายคะ เพียงแค่เอา Peanut butter มาป้ายๆขนมปังแล้วบีบ Jelly ใส่ ประกบกับขนมปังอีกทีเป็นอันเสร็จ เมนูนี้เป็นที่นิยมกันมาก ที่ Grocery จะเห็น Peanut butter กับ Jelly ตั้งคู่กันเลยค่ะ เด็กกินได้ผู้ใหญ่กินดี

2. Cupcake บ้านไหนมีปาร์ตี้ โดยเฉพาะ Birthday party เราจะเห็นเจ้า cupcake นี่เสมอ ด้วยรูปลักษณ์ที่สวยงาม จิ้มลิ้ม หยิบกินง่าย ไม่เหมือนเค้กที่เป็นก้อน ที่จะต้องเอามีดมาตัด และตักใส่จาน แถมต้องใช้ส้อมกินอีก ถ้าเป็น cupcake ล่ะก็ คนไหนอยากกินก็หยิบเข้าปากอร่อยได้ทันที ที่อเมริกามีร้านขายเฉพาะ cupcake มากมายคะ มีอยู่ที่นึง ดังม๊าก อยู่ที่ Georgetown ชื่อ Georgetown cupcake คนรอคิวยาวแทบทุกวัน อารมณ์ดังเข้าแถวรอโรตีบอยตอนอบเสร็จใหม่ๆ อ๊ะ ข้อมูลเราอาจดูล้าสมัยเชย อะร๊ายโรตีบอย งั้น update ขึ้นมาหน่อย เป็น แถว Krispy Kream ละกัน เนื้อเค้กของ cupcake หลักๆก็จะมี วนิลลา, ช็อคโกแลต, red velvet ส่วนหน้าก็จะเป็นหน้าน้ำตาลไอซิ่ง แต่งหน้าให้ดูสวยงามน่ารักค่ะ



3. Cereal bar อันนี้เป็นของสุดโปรดของเราตอนเป็น Aupair เลยค่ะ เรากินเยอะมาก เพราะกินง่าย อร่อย และแสนสะดวก โดยเฉพาะตอนขับรถไปโรงเรียน ไม่มีเวลากินข้าว ก็ได้ Cereal bar นี่แหละแทะกินแท่งสองแท่งระหว่างทาง ในห้องจะมีติดไว้เสมอกันตายเวลาหิวค่ะ เพื่อนเห็นว่าชอบมาก ถึงขนาดซื้อ Cereal bar กล่องยักษ์มาให้เป็นของขวัญวันเกิดเลยที่เดียว 55 Snack ชนิดนี้มีทั้งแบบ Crispy กับแบบ Chewy ส่วนประกอบหลักโดยมากก็จะแบบข้าวโอ๊ต หรือข้าวพองกรุบกรอบ ส่วนประกอบเสริมเติมรสชาติก็ได้แก่ ช็อคโกแลต น้ำผึ้ง สตอเบอรี่ ถั่ว(nut)ต่างๆ ลูกเกด Cranberry อ้อ และมีอีกแบบที่ข้างนอกเป็นแป้งขนมนิ่มๆ และข้างในเป็นไส้แยมผลไม้แช่น สตอเบอรี่ บลูเบอรรี่ แต่ขอเตือนนิดนึงนะคะว่าพวกนี้อร่อยก็จริง แต่กินมากๆแล้วน้ำตาลจะขึ้นสูงปรี๊ด จนตอนนี้เราก็เพลาๆการกินแล้วเหมือนกันค่ะ


4. Chocolate Marshmallow Graham เมนู snack นี้เคยได้ลองกินตอนเป็น Aupair แล้วรู้สึกอร่อยดี..ในคำแรกๆ แต่กินไปเรื่อยๆแล้วจะรู้สึกถึงความซูปเปอร์หวานและเลี่ยน ขนมอันนี้จะได้กินบ่อยในช่วงหน้าหนาว เคี้ยวกรุบกรุบในวันหิมะตก พร้อมสะสมไขมันที่พุงได้ดีเชียว วิธีง่ายที่สุดในการทำก็เริ่มด้วย Graham cracker หักเป็นชิ้นพอดีกิน เอา Marshmallow มาวางโปะไว้ และเอา Chocolate bar Hershey มาหักเป็นชิ้นกำลังดี เอามาวางทับบน Marshmallow อีกที อันนี้ต้องวางให้สมดุลนะคะคุณ เพราะเวลาเอาเข้าไมโครเวฟแล้ว chocolate จะตกปุลงมาดูไม่น่ารับประทาน เอาหละพอเสร็จแล้วก็เอาเข้าเวฟซัก 10 วินาทีให้ Marshmallow พอละลาย เราก็กดชอคโกแลตลงไปในเนื้อ Marshmallow เลย เพื่อป้องกันมันเด้งดึ๋งออกมา จากนั้นก็ใส่กลับเข้าไป เวฟอักซัก 5-7 วินาที ก็โอเค เอา Graham Cracker วางทับอีกทีเป็นอันหวานได้แล้วค่า...




5. Chip กรุบกรอบ  โอ้ พวก potato chips นี้ เรากินเยอะมากเลยค่ะ แบบที่เห็นในเมืองไทยก็มีพวก เลย์, ชีโตส, Pringkle, Doritoes และที่ไม่มีก็เช่น UTZ, Sunchips, Tortitos, Kettle, Ruffles, Fritos, Munchies รสชาติก็มีมากมายหลากหลาย อย่าง cheese, sour cream and onion, sea salt, vinegar, hint of lime, barbecue etc หรือเป็นแบบ Plaint เน้นตัว chip เช่น Multigrain ซึ่งส่วนใหญ่จะเน้นรสชาติ cheesy เยอะมาก chip บางอันออกแบบเป็นถ้วย scoop เพื่อเอาไว้กินกับ dipping ต่างๆ คือถ้า chip รสชาติชีสยังไม่จุใจ ยังมี cheese dip เอาไว้จิ้มได้อีก dipping อย่างอื่นอย่างเช่น ranch, bean เป็นต้น Chip ที่นี่จะมีแต่ถุงใหญ่ เป็นส่วนมาก กินไม่เคยหมดเลยค่ะ ต้องปิดถุงไว้กินหลายรอบ จนเค้ามีขาย snack chip หนีบสำหรับปิดปากถุงซะอีกค่ะ

6. Cheese Stick อันนี้เด็กๆชอบมาก เห็นกินกันเกือบทุกบ้าน snack นี้เป็นแท่งชีสยาวๆ แกะกันได้ทันที ตอนแรกลองกินก็ยังรู้สึกแปลก เพราะรสสัมผัสหยั่งกับกิบยางแท่ง! คือจริงๆแล้วชีสที่นี่ก็มีหลากหลายชนิดนะคะ รสชาติก็แตกต่างกัน แต่ที่เอามาทำ cheese stick ซะเป็นส่วนใหญ่คือ Mozzarella นอกจากทำเป็นแท่งแล้ว ก็ยังมีเป็นแบบซองเป็นแท่ง bar แบบทรงสามเหลี่ยมคล้ายพิซซ่าหนาๆ ในกล่องกลมๆ และมีแบบที่เป็นทรงกลมๆ แบนแบน หุ้มด้วยวัสดุเหมือนกับยาง เวลาจะกินก็ดึงเอาที่ดึงตรงกลางออก โอ้ มีมากมายหลากหลายสารพัดจะ cheese ค่ะ หิวๆไม่มีอะไรกิน ก็กินกับ cracker ก็ใช้ได้เหมือนกันค่ะ


  

ขอจบเรื่องอันว่าด้วยขนม Snack เพียงเท่านี้ก่อนนะคะ ยังมีขนมอร่อยๆอีกมากมายที่ยังไม่ได้เล่า ขอต่อภาคสอง แล้วกันค่า

วันเสาร์ที่ 8 กันยายน พ.ศ. 2555

10 อันดับเมนู Fast Food ยอดแย่ในอเมริกา

อเมริกา ถือเป็นต้นกำเนิดของ Fast Food เลยก็ว่าได้ ที่นี่ จึงมีร้าน Fast Food มากมายหลายหลาก บางร้านเราสามารถพบเห็นได้ทั่วไปในไทย เช่น MacDonald, KFC, Popeye แต่ยีงมีอีกมากมายที่เพิ่งจะเคยเห็น ตอนได้มาอยู่ในอเมริกานี่แหละค่ะ อาหารจากร้าน Fast Food ก็เป็นที่รู้กันอยู่แล้วถึงความคุณค่าทางอาหารที่ค่อนข้างต่ำ ซึ่งคนอเมริกันเองยังเรียกอาหารพวกนี้ว่า Junk Food เลยด้วยซ้ำ วันนี้เรามาดูกันค่ะ ว่าเมนูอาหารสุดยอดแย่(ในด้านโภชนาการ)ในร้าน Fast Food ในอเมริกานั้น มีอะไรบ้าง

อันดับ 10 Domino's Chicken Carbonara Breadbowl Pizza

1,480 calories

56 g fat (24 g saturated)
2,220 mg sodium



อาหารจานนี้อัดแน่นไปด้วยก้อนแป้งพิซซ่า, เส้นพาสต้า, ครีม และชีสค่ะ ดังนั้นแคลลอรี่ครึ่งหนึ่งมาจากอาหารจำพวกคาร์โบไฮเดรต และหนึ่งในสามมาจากไขมัน เหลือพื้นที่เพียงน้อยนิดสำหรับสารอาหารที่มีคุณค่าอย่าง โปรตีนและไฟเบอร์ พิซซ่า 3 ชิ้น โบ๊ะหน้าไก่, พริกหยวก และก็ชีส นั้น จะให้รสชาติคล้ายๆกับ แต่ลดปริมาณแคลลอรี่ไป 900 แหนะค่ะ
เค้าแนะนำให้กินเมนูนี้ดีกว่า Domino's Medium Hand Tossed Pizza with Grilled Chicken, Green Peppers, and Shredded Parmesan (3 slices)

อันดับ 9 McDonald’s Big Breakfast with Large Biscuit, Hotcakes, Margarine, and Syrup

1,370 calories
64.5 g fat (21.5 g saturated)

2,335 mg sodium

49 g sugar


อย่างแรก ต้องขอบอกว่า อาหารจานนี้มีปริมาณแคลลอรี่มากกว่าสองในสามของแคลอรี่ที่คุณควรได้รับในแต่ละวัน อย่างที่สอง อาหารจานนี้จานเดียว มีไขมันอิ่มตัวมากกว่าที่ควรในหนึ่งวัน และน้ำเชื่อมแพนเค้ก ยังมีน้ำตาลมากกว่า ขนม Reese's Peanut Butter Cup ซะอีก ส่วนประกอบเพียงอย่างเดียวที่เป็นประโยชน์ก็มีแค่"ไข่"เท่านั้น นอกนั้น แพนเค้ก, บิสกิต, ไส้กรอก, และฮัทบราว เป็นอาหารที่ทำให้คุณมีรูปร่างเหมือน Grimace ซะมากกว่า Ronald

อันดับที่ 8 KFC Half Spicy Crispy Chicken Meal with Macaroni and Cheese, Potato Wedges, and Biscuit

1,610 calories 
98 g fat (25.5 g saturated)
4,340 mg sodium


กินไก่ทอดครึ่งตัวนั้นหมายถึงข่าวร้าย(สำหรับร่างกาย) โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับไก่ KFC ที่เขาให้ครึ่งล่างของตัวไก่ นั่นหมายถึง น่อง 2 ส่วนต้นขา 2 และทั้งสองส่วนถือเป็น dark meat และไม่ใช่แค่ราคาถูกอย่างเดียว แต่ยังเป็นส่วนที่มีไขมันมากที่สุดอีกด้วย อาหารมื้อนี้ให้พลังงานเกือบ 85 เปอร์เซนต์ของปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับในแต่ละวัน และยังมีไขมันและโซเดียมมากกว่าปริมาณที่ร่างกายต้องการทั้งวันอีกด้วย

อันดับที่ 7 Burger King Large Triple Whopper with Cheese Value Meal with Fries and Coke

2,110 calories 
104 g fat (35.5 g saturated, 2 g trans)
2,270 mg sodium



หลีกเลี่ยงอาหารที่มีชื่อบ่งบอกถึงขนาดเกินมาตรฐานเถอะค่ะ มันดูใหญ่คุ้มค่าก็จริง แต่คุณอาจจะยังไม่รู้ว่ามันอัดแน่นไปด้วยพลังงาน 1,200 แคลอรี่ และไขมัน 80 กรัม ทั้งเฟรนฟรายที่มากับชุด จะช่วยเพิ่มแคลอรี่ให้อีกว่า 600 และถ้ากิน โค๊กเพิ่มอีก คุณจะได้รับพลังงานรวมถึงเกือบ 2,200 แคลอรี่เลยทีเดียว ถ้ากินอาหารอย่างนี้ประจำทุกสัปดาห์ คุณจะน้ำหนักเพิ่มขึ้น 30 ปอนด์ภายในหนึ่งปี



อันดับที่ 6 Quiznos Tuna Melt (Large) with Cheetos
1,620 calories
111 g fat (25 g saturated, 1.5 g trans)
2,070 mg sodium


ทูน่า(ในแซนวิซ)นี้ถูกจับมาจากในท้องทะเลหนึ่งเพื่อเอามาใส่ทะเลอีกที่ นั่นคือทะเลแห่งมายองเนส!! กินมื้อนี้จะได้ปริมาณแคลอรี่เกือบเท่ากับกินคุ๊กกี้ Chewy Chips Ahoy หมดถุง! ซึ่งนั่นทำให้มันมีศักดิ์เป็นแซนวิซยอดแย่ที่สุดในประเทศ! ถึงแม้ว่าจะไม่ออเดอร์เอาขนมถุงมาด้วย คุณก็จะได้รับพลังงานถึง 1,460 แคลอรี่ และ แถมไขมันอีก 27 กรัม

อันดับที่ 5 Wendy's Dave's Hot 'n Juicy 3/4 lb. Triple with Bacon with Small Fries and Small Coke

1,540 calories
83 g fat (33 g saturated, 4 g trans)
2,370 mg sodium


ชีส 3 แผ่น ไส้เบอร์เกอร์ 3 ชิ้น และเบคอนอีก 3 ชิ้น ในเบอร์เกอร์นี้ ไม่ต้องเป็นนักโภชนาการก็พอจะรู้ว่าทำไมมันถึงเป็นอาหารสุดยอดแย่ ผู้เขียนถึงขนาดกับบอกว่า มันน่าอับอายเหมือนเป็นรอยมลทินในเมนูของ Wendy ซึ่งถือว่าเป็นหนึ่งในร้าน Fast Food ขนาดใหญ่ที่สุดของอเมริกา




อันดับที่ 4 Dairy Queen Chicken Strip Basket (6-piece w/Country Gravy)


1,370 calories
57 g fat (8 g saturated, 0.5 g trans)
3,650 mg sodium
 




อาหารในถาดนี้ ถือได้ว่าเป็นตัวแทนบ่งบอกถึงนิสัยการกินที่ย่ำแย่ที่สุดของคนอเมริกัน Dairy Queen ส่งเมนูอาหารแย่ๆ อย่าง ไก่ทอด เฟรนฟราย และทำให้มันแย่ขึ้นไปอีก โดยการเพิ่ม Texas Toast และน้ำซอส อาหารมื้อนี้มีแคลอรี่เกือบ 70% ของ ปริมาณแคลอรี่ที่ควรได้รับในหนึ่งวัน และมี โซเดียมมากเกินกว่าที่คุณควรได้ในหนึ่งวัน ไอศครีม Butterfinger Blizzards ยังมีไขมันไม่มากเท่ากับปริมาณไขมันในมื้อนี้
 

อันดับที่ 3 Hardee's Monster Biscuit Large Hash Rounds

                                                                             

1,170 calories
79 g fat (22 g saturated)
2,800 mg sodium
 


อาหารเช้าที่ร้าน Fast Food นั้นอาจหมายถึงอันตรายก็ได้ ของทอดที่มากับชุดอาหาร, น้ำซอส, เนื้อติดมัน และคาร์โบไฮเดรตนั้น เท่ากับปริมาณครึ่งหนึ่งของแคลอรี่ที่ควรได้รับในแต่ละวัน 30 กรัมของโปรตีนที่ได้รับจากเนื้อนี้ ไม่สามารถทดแทนกับความจริงที่ว่า 700 แคลอรี่ที่ได้รับจากเมนูนี้ มาจากไขมันทั้งนั้น


อันดับที่ 2 Long John Silver's Fish Combo Basket

830 calories
46 g fat (11.5 g saturated, 12.5 g trans)
2,040 mg sodium

สังเกตุเห็นปริมาณไขมันทรานที่อยู่ในอาหารมื้อนี้ไหม เห็นได้ชัดว่าร้าน Long John Silver ไม่ได้พยายามทำตามข้อตกลงที่จำกัดการใช้ hydrogenated oils ในการทอด ในขณะที่ Fast Food เจ้าอื่นพยายามกำจัดเจ้าไขมันอันตรายตัวนี้ Long John Silver ยังแอบเอามาใช้อยู่อย่างเงียบๆ...



อันดับที่ 1 Carl's Jr. Double Guacamole Bacon Burger with Large Fries

1,530 calories
95 g fat (28 g saturated fat)
3,240 mg sodium
 

Guacamole เป็นอาหารสุขภาพ แต่แคลอรี่ก็สูงมาก นั่นหมายความว่า ก็ไม่ควรที่จะกินในปริมาณที่มากเป็นสองเท่า(อย่างในเบอร์เกอร์นี้) และแน่นอนว่าไม่ใช่กับเบคอน เนื้ออีกสอง พร้อม เฟรนซ์ฟราย แถมโซเดียมยังสูงอย่างมากมายมหาศาลจนน่ากลัว จนต้องครองอันดับหนึ่งของอาหาร Fast Food ยอดแย่ ในอเมริกา!





ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก http://eatthis.menshealth.com ค่ะ
Related Posts Plugin for WordPress, Blogger...